Skip to:
“คนส่วนใหญ่มักคิดว่า การผลิตพลังงานหรือการคมนาคม คือ สิ่งที่สร้างความเสียหายด้านสิ่งแวดล้อมมากที่สุด แต่ในความเป็นจริงแล้ว วงจรอาหารของเราคือตัวการสำคัญ”
Dr. Tony Juniper
CBE, Executive Director for Advocacy, WWF-UK
โลกของเรากำลังเผชิญกับความท้าทายที่ไม่เคยเจอมาก่อน
ในปี 2050 มีการคาดการณ์ว่าประชากรโลกจะเพิ่มขึ้นเกือบหมื่นล้านคน! และแน่นอนว่าทรัพยากรต่างๆบนโลกใบนี้มีอยู่อย่างจำกัด
เราจึงต้องร่วมมือกันเปลี่ยนแปลงวงจรอาหารของโลก ตั้งแต่วิธีปลูกพืช จับปลา ไปจนถึงวิธีการเลือกรับประทานอาหาร เพื่อรักษา และเพิ่มจำนวนทรัพยากรต่างๆ ให้สามารถเลี้ยงประชากรทั้งหมดในอนาคตได้
จากผลสำรวจพบว่า ประชากรทั่วโลกรับประทานอาหารอยู่เพียงไม่กี่ชนิดเท่านั้น ใครจะรู้ว่าอาหารที่เราทานอยู่ เป็นพืชแค่ 12 ชนิดและสัตว์เพียง 5 สายพันธุ์เท่านั้น และการทานอาหารที่จำกัดแบบนี้ ก็ไม่สามารถให้วิตามินและแร่ธาตุแก่ร่างกายได้มากเท่าที่ควร
นอกจากนี้ การทานอาหารชนิดเดิมซ้ำๆ ทำให้ความหลากหลายพันธุ์พืชและสัตว์มีอัตราที่ลดลง ยกตัวอย่างเช่น ประเทศไทย จากที่เคยปลูกข้าวได้ถึง 16,000 ชนิด กลับลดลงเหลือเพียง 37 ชนิด ส่วนสหรัฐอเมริกาก็สูญเสียพันธุ์กะหล่ำ ถั่วลันเตา และมะเขือเทศไปถึง 80%ในศตวรรษที่แล้ว และทราบหรือไม่ว่า การพึ่งพาพืชอยู่เพียงไม่กี่สายพันธุ์ ทำให้มีความเสี่ยงต่อแมลง ศัตรูพืช และผลกระทบจากภาวะโลกร้อนมากกว่าการปลูกพืชที่หลากหลายอีกด้วย
การพึ่งพาแหล่งโปรตีนจากสัตว์ในปัจจุบันนั้น ส่งผลให้ไม่เกิดความยั่งยืนในระยะยาว เพราะการผลิตเนื้อ นม และไข่นั้น มีการใช้น้ำ ที่ดินเป็นจำนวนมาก รวมถึงมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงกว่าการปลูกพืช และยังเป็นสาเหตุของมลพิษทางน้ำ จากการปล่อยของเหลวเน่าเสียลงสู่แม่น้ำและทะเลอีกด้วย
แม้ปัญหาเหล่านี้อาจดูยากเกินแก้ แต่เราเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่นั้นเริ่มได้จากการกระทำเล็กๆได้
พัฒนาวงจรอาหารผ่านการกิน
“โภชนาการที่หลากหลายไม่เพียงช่วยพัฒนาสุขภาวะของมนุษย์ แต่ยังเป็นประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านระบบการผลิตที่เอื้ออาทรต่อสัตว์ป่าและการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืนยิ่งขึ้น”
Peter Gregory,Research Advisor,Crops For the Future
คนอร์และ WWF มีความต้องการร่วมกันในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง จึงได้ร่วมมือกับ Dr. Adam Drewnowski ผู้อำนวยการศูนย์โภชนาการสุขภาพสาธารณะแห่งมหาวิทยาลัยวอชิงตัน ในการสร้างสรรค์รายงาน 50 อาหารแห่งอนาคต (Future 50 Foods)
"ท่ามกลางโลกที่เต็มไปด้วยคำแนะนำเกี่ยวกับสิ่งที่ไม่ควรทาน เราต้องการนำเสนอตัวเลือกในการกินที่มากขึ้น จึงได้คัดเลือกอาหาร 50 ชนิด ที่เต็มไปด้วยประโยชน์ และส่งผลกระทบต่อโลกนี้น้อยกว่าอาหารที่ทำจากสัตว์ แถมราคาไม่แพง เข้าถึงได้ง่าย และรสชาติดี”
“ด้วยความร่วมมือกับพันธมิตร เราเชื่อว่าสามารถเปลี่ยนแปลงวิถีการเพาะปลูก และการกินของผู้คนได้ ภารกิจของเรานั้นแสนเรียบง่าย คือการทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงอาหารที่อร่อย อุดมด้วยสารอาหาร และยั่งยืนต่อโลก”
April Redmond
Global Vice President, Knorr
รายนามของ 50 อาหารแห่งอนาคต (Future 50 Foods) ประกอบด้วยผัก ธัญพืช ข้าว เมล็ดพันธุ์ ถั่วเมล็ดแห้ง และถั่วจากทั่วโลก เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการปรุง และการกินที่หลากหลายกว่าเดิม แม้อาหารบางชนิดอาจหาได้ยากในปัจจุบัน แต่ด้วยความร่วมมือกับพันธมิตร เราจึงสามารถทำให้อาหารเหล่านี้ปลูกได้ทั่วไป และหาทานได้อย่างแพร่หลายมากกว่าที่เคย
การเปลี่ยนวัตถุดิบอย่างข้าวโพดและข้าวขาว ไปเป็นโฟนิโอหรือสเปลท์ คือการเพิ่มสารอาหารให้เมนูนั้นๆ รวมถึงเพิ่มความหลากหลายในภาคเกษตรกรรม ที่จะทำให้อุปทานอาหารของเรายืดหยุ่นมากขึ้น แถมยังช่วยปกป้องความหลากหลายทางโภชนาการเพื่อคนรุ่นถัดไปได้อีกด้วย
50 อาหารแห่งอนาคต (Future 50 Foods) จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ยิ่งใหญ่ของการเดินทางและแนวทางสำหรับผู้คน เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ที่เริ่มจากความอร่อยในแต่ละจาน เพราะสิ่งดีๆ เริ่มต้นที่มื้ออร่อย